ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือปัสสาวะเล็ด สามารถเกิดขึ้นได้บ่อยในกลุ่มโรคระบบทางเดินปัสสาวะโดยเฉพาะในผู้หญิง สร้างความรำคาญใจ ความเครียด กังวล ให้กับคุณสาว ๆ อย่างมาก ถ้าหากเกิดอาการมีปัสสาวะเล็ดไม่ไปพบแพทย์ไหม? เป็นอันตรายไหม? ศึกษาได้จากบทความข้างต้นนี้ได้เลยนะคะ
ปัสสาวะเล็ด เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ปัสสาวะเล็ดหรือ Stress Urinary Lncontinence ภาวะอาการที่ปัสสาวะเล็ดราด กลั้นไม่อยู่ ควบคุมไม่ได้พบได้บ่อยในกลุ่มโรคระบบทางเดินปัสสาวะโดยเฉพาะในผู้หญิง เกิดจากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่คอยพยุงท่อปัสสาวะ และกระเพาะปัสสาวะหย่อนยาน ภาวะยืดหย่อน หรือฉีกขาดของอวัยวะที่ช่วยยืดและพยุงท่อปัสสาวะส่วนต้น สามารถพบได้ในทุกกลุ่มอายุ ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ สำหรับประเทศไทยมีอุบัติการณ์ประมาณร้อยละ 20 ของผู้หญิง ตั้งแต่วัยเจริญพันธุ์จนถึงวัยหมดประจำเดือน
5 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ด
- การตั้งครรภ์ และการคลอดบุตร โดยเฉพาะจำนวนครั้งของการคลอดบุตร กรณีคลอดบุตรหลายครั้งจะมีความเสี่ยงมากขึ้น ไม่จำเป็นว่าจะคลอดโดยวิธีธรรมชาติ หรือการผ่าคลอดล้วนมีความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น เพราะการตั้งครรภ์จะส่งผลให้อวัยวะในอุ้งเชิงกรานต้องรับน้ำหนักของเด็กตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
- อายุ พบในสตรีวัยหมดประจำเดือน หรือวัยทองที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป จะเกิดทั้งในกรณีไอ จาม
- ความอ้วน เนื่องจากเพิ่มน้ำหนักแรงดันในช่องท้อง และแรงดันในกระเพาะปัสสาวะ
- ผู้หญิงที่ตัดมดลูกและหมดประจำเดือน เนื่องจากการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน มีผลทำให้เนื้อเยื่อที่พยุงระบบทางเดินปัสสาวะและอวัยวะในอุ้งเชิงกรานฝ่อลง
- รายที่มีเพศสัมพันธ์แบบพิสดาร
ลักษณะอาการเกิดปัสสาวะเล็ด และวิธีรักษาปัสสาวะเล็ด
ถ้าหากมีอาการไม่มาก การฝึกขมิบอย่างถูกวิธีเป็นประจำก็สามารถช่วยให้อาการดีขึ้นได้โดยไม่ต้องเข้ารักษาการผ่าตัด เพราะว่าการรักษาปัสสาวะเล็ดนั้นมีหลายวิธี
- ปวดปัสสาวะแบบรุนแรง แต่กลับไม่ยอมเข้าห้องน้ำ ส่งผลให้เมื่อถึงเวลาก็จะราดออกมาเลย สามารถรักษาด้วยการรับประทานยา พบมากในผู้ป่วยที่อยู่ในช่วงวัยทำงาน
- มีอาการปัสสาวะราดออกมาเลย เมื่อมีการเพิ่มความดันในช่องท้อง คือ ไอ หรือจาม คนที่พบในกลุ่มนี้จะเป็นผู้หญิงที่มีอายุ น้ำหนักมาก เคยมีประวัติคลอดยาก หรือเคยผ่าตัดบริเวณรอบท่อปัสสาวะมาก่อน หรือในกลุ่มคนที่เคยฉายรังสีในบริเวณนั้นมา ซึ่งกลุ่มนี้จะรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด
- ในส่วนวิธีการป้องกัน ไม่มีการป้องกันอาการปัสสาวะเล็ดโดยตรง แต่จะเป็นการลดความเสี่ยงที่จะเกิดมากกว่า เช่น การควบคุมน้ำหนัก การเตรียมการคลอดที่ดี ไม่กลั้นปัสสาวะบ่อยๆ หรือนานเกินไป และออกกำลังอุ้งเชิงกรานเป็นประจำเพื่อเพิ่มความแข็งแรง เป็นต้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลเปาโล