Samsung ประเทศไทยได้เปิดตัวและวางจำหน่าย Galaxy A32 ด้วยกัน 2 โมเดล คือ รุ่น LTE และรุ่น 5G แม้ว่า ทั้งคู่จะมีชื่อเหมือนกัน หน้าตาคล้ายกัน แต่จริง ๆ แล้วไส้ในมีจุดแตกต่างกันหลายส่วน เช่น หน้าจอแสดงผล กล้องถ่ายรูป ชิปประมวลผล เป็นต้น ส่วนค่าตัวนั้นก็ห่างกันประมาณ 1,500 บาท อาจทำให้หลายคนคิดไม่ตกในการเลือกซื้ออยู่ไม่น้อย
เปรียบเทียบสเปค SAMSUNG GALAXY A32 LTE และ GALAXY A32 5G
Galaxy A32 LTE | Galaxy A32 5G | |
จอภาพ | Super AMOELED ขนาด 6.4 นิ้ว อัตรารีเฟรช 90Hz | PLS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว อัตรารีเฟรช 60Hz |
ชิป | MedaiTek Helio G80 สถาปัตยกรรม 12 นาโนเมตร | MedaiTek Dimensity 720 5G สถาปัตยกรรม 7 นาโนเมตร |
หน่วยความจำ | RAM 8GB + ROM 128GB รองรับ microSD card สูงสุด 1TB | RAM 8GB + ROM 128GB รองรับ microSD card สูงสุด 1TB |
กล้องหลัง | Main 64MP (ƒ/1.8) Ultrawide 8MP (ƒ/2.2) Macro 5MP (ƒ/2.4) Depth 5MP (ƒ/2.4) | Main 48MP (ƒ/1.8) Ultrawide 8MP (ƒ/2.2) Macro 5MP (ƒ/2.4) Depth 2MP (ƒ/2.4) |
กล้องหน้า | Wide 20MP (ƒ/2.2) | Wide 13MP (ƒ/2.2) |
เครือข่าย | GSM / HSPA / LTE | GSM / HSPA / LTE / 5G |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac Bluetooth 5.0 GPS, A-GPS, GLONASS USB Type-C | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac Bluetooth 5.0 GPS, A-GPS, GLONASS USB Type-C |
เซนเซอร์ | Fingerprint (ใต้หน้าจอ), accelerometer, proximity, compass | Fingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, proximity, compass |
แบตเตอรี่ | 5000mAh รองรับชาร์จไว 15W | 5000mAh รองรับชาร์จไว 15W |
ระบบปฏิบัติการ | Samsung One UI 3 บน Android 11 | Samsung One UI 3 บน Android 11 |
ขนาด | 158.9 × 73.6 × 8.4 มม. | 164.2 × 76.1 × 9.1 มม. |
น้ำหนัก | 184 กรัม | 205 กรัม |
สี | ดำ, ขาว, ฟ้า, ม่วง | ดำ, ขาว, ฟ้า, ม่วง |
ราคา | 8,499 บาท | 9,999 บาท |
GALAXY A32 LTE ได้หน้าจอ SAMOLED สีสวย สู้แสง ลื่นไหล
Galaxy A32 LTE มาพร้อมพาเนล Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตรารีเฟรช 90Hz ส่วน Galaxy A32 5G มาพร้อมพาเนล PLS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ใหญ่กว่ากันนิดนึง แต่มีความละเอียดและอัตรารีเฟรชน้อยกว่า ที่ HD+ และ 60Hz ตามลำดับ เรื่องการแสดงผลนั้น ฝ่ายแรกมีภาษีดีกว่าทั้งสีสันและระดับความสว่าง
ทั้งคู่ใช้วัสดุกระจก Gorilla Glass 5 จาก Corning ครอบทับเหมือน ๆ กัน เป็นเกรดเดียวกับที่ใช้ในสมาร์ทโฟนระดับเรือธง และเนื่องจาก Galaxy A32 LTE เลือกใช้พาเนล Super AMOLED ทำให้สามารถฝังเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือลงไปไว้ใต้หน้าจอได้ด้วย ในขณะที่ Galaxy A32 5G อยู่ในตำแหน่งด้านข้างเครื่องแทน โดยทำงานร่วมกับปุ่มเพาเวอร์ ซึ่งแต่ละตำแหน่งก็มีข้อดีในแบบของตัวเอง เรื่องนี้อาจแล้วแต่คนชอบ
GALAXY A32 5G ได้ชิปใหม่กว่า แรงกว่า รองรับ 5G
ชิปประมวลผลเปรียบเสมือนเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนสมาร์ทโฟน Galaxy A32 LTE เลือกใช้ Helio G80 บนสถาปัตยกรรมขนาด 12 นาโนเมตร ซีพียู 8 คอร์ มี Cortex-A75 จำนวน 2 แกน เป็นหน่วยประมวลผลหลัก ฝั่ง Galaxy A32 5G ได้เปรียบเล็กน้อยกับชิป Dimensity 720 ที่ใหม่กว่า บนสถาปัตยกรรมขนาด 7 นาโนเมตร ซึ่งตามทฤษฎีจะมีความร้อนน้อยกว่าและมีอัตราบริโภคพลังงานต่ำกว่า ซีพียู 8 คอร์เท่ากัน ใช้ Cortex-A76 จำนวน 2 แกน เป็นหน่วยประมวลผลหลัก จากการทดสอบเบนช์มาร์กบ่งชี้ไปในทางเดียวกันว่า มีประสิทธิภาพสูงกว่าระดับหนึ่ง และแน่นอนว่า…รองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G ด้วย
กล้องหลัง 4 ตัวเท่ากัน ต่างกันที่ความละเอียด
ทั้ง Galaxy A32 LTE และ A32 5G มีกล้องหลังจำนวน 4 ตัวเท่ากัน ฝ่ายแรกประกอบด้วย กล้องหลัก 64MP เสริมด้วยกล้องอัลตร้าไวด์ 8MP กล้องมาโคร 5MP ตบท้ายด้วยกล้องจับความลึก 5MP และกล้องเซลฟี่ 20MP ฝ่ายหลังจะมีกล้องหลักกับกล้องจับความลึกความละเอียดน้อยกว่า ที่ 48MP กับ 2MP ตามลำดับ ส่วนที่เหลืออีก 2 ตัวนั้นเหมือน ๆ กัน ส่วนกล้องเซลฟี่มีความละเอียด 13MP
สมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นนี้จาก Samsung ไม่มีเลนส์เทเลโฟโต้มาให้ ดังนั้น การที่มีเซนเซอร์ความละเอียดสูง ๆ จึงอาจมีความยืดหยุ่นมากกว่าในขณะที่ซูมแบบดิจิทัล แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้เป็นการการันตีว่า ภาพที่ถ่ายออกมาจะมีคุณภาพดี ในส่วนนี้คงต้องดูในการใช้งานจริง
ราคาห่างกัน 1,500 บาท ซื้อรุ่นไหนดี ?
หากอ่านมาถึงตรงนี้ เพื่อน ๆ จะเห็นได้ว่า Galaxy A32 LTE ดูดีกว่าทั้งฮาร์ดแวร์หน้าจอและกล้องถ่ายภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพาเนล Super AMOLED พร้อมอัตรารีเฟรช 90Hz ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่เป็นปัจจัยที่คนให้ความสนใจกันมาก ในขณะที่ Galaxy A32 5G ได้หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นมานิดนึง กับจุดแข็งที่รองรับเครือข่าย 5G รับและส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุดขีด ความหน่วงแฝงต่ำ เล่นเกมหรือรับชมคอนเทนต์แบบถ่ายทอดสดได้อย่างสบายใจ แถมเวลาใช้งานในสถานที่ที่มีคนเยอะ เช่น สถานนี้ขนส่งสาธารณะหรือสนามกีฬาก็ไม่เจอปัญหา เรียกได้ว่า…มีดีกันไปคนละแบบ ส่วนใครจะเลือกตัวไหนก็คงต้องแล้วแต่ความชอบและการใช้งานของแต่คนละแล้วล่ะครับ