ความผิดปกติของระบบไฟฟ้า ซึ่งมีหลายสาเหตุเช่น ฟ้าผ่า , หม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด , ระบบสายส่งไฟฟ้าเกิดการลัดวงจร ถือว่าอันตรายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน เมื่อเกิดขึ้นแล้วมันอาจจะสร้างความเสียหายทางตรงให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้ เช่น ทีวี ตู้เย็น คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ก เร้าเตอร์ WIFI กล้องวงจรปิด และอื่นๆอีกมากมาย
ดังนั้นเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม จากแรงดันไฟฟ้าที่เกินในสายส่ง ที่อาจจะมีสาเหตุมาจาก จากฟ้าผ่า ไฟกระโชก ไฟกระชาก เสิร์จ ( surge ) ดังนั้นเราจำเป็นจึงจำเป็นต้องมี อุปกรณ์ป้องกันฟ้าผ่า ไฟกระโชกเพื่อป้องกันความเสียหายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ การเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันฯเหตุการณ์เหล่านี้มีความจำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย เช่น การนำอุปกรณ์ UPS เข้ามาต่อพ่วงไว้ ซึ่งบางรุ่นจะมีระบบป้องกันแรงดันไฟฟ้าเกิน แต่ก็มีราคาสูงพอสมควร
ปัจจุบันจึงได้มีการผลิตปลั๊กไฟที่สามารถป้องกันแรงดันไฟฟ้าเกิน จากฟ้าผ่า หรือการลัดวงจร ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต่อพ่วงกับปลั๊กชนิดนี้ได้ ซึ่งในปลั๊กไฟเหล่านี้จะมีการติดตั้งอุปกรณ์ตัวหนึ่งที่สำคัญคือ Varistor ซึ่งมันจะทำหน้าที่รับแรงดันไฟฟ้าที่เกินมาไว้ที่ตัวมันแทน ซึ่งปลั๊กไฟชนิดนี้จะมีราคาสูงกว่าปลั๊กไฟทั่วไปแต่ก็คุ้มค่ากับการแลกมาซึ่งความสบายใจ
การที่จะดูว่าปลั๊กไฟที่ท่านใช้ป้องกันไฟกระชาก ไฟเกิน หรือป้องกันแรงดันเกินจากฟ้าผ่าเป็นยังไง ให้ท่านสังเกตุดูโดยปกติที่ปลั๊กไฟจะเขียนติดเอาไว้ว่า “Surge Protection” ซึ่งในตลาดเมืองไทยมีอยู่หลายยี่ห้อให้เลือกใช้งาน ซึ่งมีราคาอยู่ที่หลักร้อยกลางๆ จนถึงหลักพันบาท
คุณสมบัติเด่นของปลั๊กไฟกันฟ้าผ่า ไฟกระชาก แรงดันเกิน
กรณีมีแรงดันเกินชั่วขณะจากฟ้าผ่า ปลั๊กไฟที่เป็นแบบ Surge Protectionมันจะทำหน้าที่ลัดวงจรตัวเอง ในขณะที่เกิดแรงดันเกินจากฟ้าผ่า เพื่อทำให้กระแสเซิร์จเปลี่ยนทิศทางวิ่งผ่านตัวเองลงสู่กราวด์ (ในกรณีที่บ้านท่านมีการติดตั้งสายกราวด์) แทนที่จะเข้าไปทำอันตรายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในระบบ ในขณะเดียวถ้าแรงดันมีมากเกิน Varistor ที่ติดตั้งอยู่ในปลั๊กไฟมันก็ระเบิดตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายกับอุปกรณ์ไฟฟ้า