บริษัทหรือวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติและใช้กันแล้วในหลายประเทศ ได้แก่ Pfizer-BioNTech, Moderna, Gamaleya (Sputnik V), AstraZeneca, Sinovac, และ Sinopharm เป็นต้น โดยมีทั้งชนิดที่ได้รับอนุมัติทะเบียนอย่างสมบูรณ์และชนิดที่ได้รับอนุมัติให้ใช้กรณีฉุกเฉิน
ตารางแสดงข้อมูลของวัคซีนโควิด 19 แต่ละบริษัท (อัปเดตล่าสุด 10 พฤษภาคม 2564)
ข้อสังเกตเกี่ยวกับวัคซีนโควิด 19 ในปัจจุบัน
- ประสิทธิภาพป้องกันอาการรุนแรง จำเป็นที่สุด: แน่นอนว่า ใครก็อยากได้วัคซีนโควิด 19 ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในการป้องกันโรค แต่ที่มีความสำคัญเร่งด่วนยิ่งกว่า คือการลดอัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล การลดโอกาสมีอาการความรุนแรง และลดอัตราการเสียชีวิตหลังจากติดเชื้อ เพราะช่วยให้ผู้ป่วยโควิด 19 สามารถแยกกักตัวและดูแลตัวเองอยู่ที่บ้านได้ โดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด
- ฉีดครั้งเดียว สะดวกกว่า: Johnson & Johnson และ CanSino Biologics เป็นวัคซีนที่หลายคนให้ความสนใจ เนื่องจากไม่ต้องฉีดถึง 2 เข็ม คนไข้ไม่ต้องกลับมาฉีดอีกเป็นเข็มที่สอง
- วัคซีนโควิด 19 ประเภท mRNA: เป็นวัคซีนที่ใช้เทคนิคแบบใหม่ มีจุดเด่นในการผลิตได้ง่ายและเร็ว และยังสะดวกในการปรับปรุงเพื่อรองรับสายพันธุ์ของไวรัสได้อีกด้วย แต่โดยทั่วไปแล้ว วัคซีนโควิด 19 ประเภท mRNA จะมีข้อจำกัดในการจัดเก็บและขนส่งมากกว่าวัคซีนชนิดอื่น เนื่องจาก mRNA มักจะถูกทำลายได้ง่าย จึงต้องเก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิที่ต่ำ โดยวัคซีนของบริษัท Pfizer สามารถเก็บได้ในอุณหภูมิ 2-8 ˚C และมีอายุได้ 30 วัน (ข้อมูลอัปเดตวันที่ 17 พฤษภาคม 2564) เช่นเดียวกับวัคซีนของบริษัท Moderna
- วัคซีนโควิด 19 ที่มีความปลอดภัยต่อผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง:วัคซีนอย่าง Novavax ที่ผลิตขึ้นจากโปรตีนบางส่วนของเชื้อ และวัคซีนที่ผลิตขึ้นจากเชื้อที่ตายแล้ว อย่างเช่น Sinovac, Sinopharm, และ Covaxin มีความปลอดภัยต่อผู้รับวัคซีนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องมากกว่า เนื่องจากไม่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- วัคซีนที่มีต้นทุนการผลิตสูง: วัคซีนประเภทเชื้อตายนั้น ต้องมีการเพาะเลี้ยงเชื้อในห้องปฏิบัติการระดับสูง (Biosafety level 3) จึงมีต้นทุนสูงกว่าเพื่อน และอาจมีราคาสูงตามไปด้วย เช่น Sinopharm ที่มีการประกาศราคาเบื้องต้นสูงกว่าวัคซีนหลายบริษัท
ที่มา : praram9.com